ทะเลทรายซาฮารา

ทะเลทรายซาฮารา เป็นทะเลทรายที่สวยที่สุด และคนดังนิยมไปถ่ายภาพ

ทะเลทรายซาฮารา ชื่อนี้แน่นอนว่าต้องคุ้นๆหูกันบ้างแล้ว นอกจากสวยงามแล้ว ยังมีมนต์สเน่ห์ที่น่าค้นหาอีกด้วย

ทะเลทรายซาฮารา เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว ที่คนดังหรือนักท่องเที่ยว จากหลากหลายประเทศนั้น ได้เดินทางเข้าไปเพื่อสัมผัสบรรยากาศ ที่แปลกและแน่นอนว่าเป็นที่สุด แห่งท้องทะเลทราย ด้วยความที่ที่แห่งนี้ ได้จัดว่าเป็นทะเลทราย แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมจากทั่วโลก ที่มีเนื้อที่กว้างใหญ่มากที่สุด เป็นอันดับที่1ของโลกเลยทีเดียว

และคงไม่ต้องพูดถึง สภาพของอากาศนะคะ ที่นี่มีอุณหภูมิที่ถือว่าสูง และแห้งแล้งเป็นอันดับหนึ่ง ทะเลทรายซาฮาร่าอุณหภูมิ โดยอุณหภูมิเฉลี่ยแล้ว จะอยู่ที่ 38 – 46 องศา @UFA-X10 อีกเช่นเดียวกัน โดยทะเลทรายแห่งนี้มีเนื้อที่ถึง  9,200,000 ตารางกิโลเมตร โอ่โห กว้างขนาดนี้น่าทึ่งสุด ๆ ไปเลยค่ะ

โดย ทะเลทรายซาฮาร่าตั้งอยู่ แถบทวีปแอฟริกา และที่นี่สนใจไปกว่านั้น คือนอกจากพื้นที่ที่กว้างใหญ่แล้ว ทะเลทรายซาฮาร่าประเทศอะไร ยังเชื่อมต่อกับอีกหลาย ๆ ประเทศรวมถึง 11 ประเทศเช่นเดียวกัน ก็ยังนับว่าที่นี่คือพื้นที่1 ใน 3 ของ ทวีปแอฟริกา อีกด้วย เหมือนไป 1 สถานที่แล้ว ยังสามารถเดินทางต่อ ไปอีกหลาย ๆ ประเทศได้อีกด้วยนะคะ

ทะเลทรายซาฮารา

สิ่งน่าสนใจไปกว่านั้น หลาย ๆ คนก็ได้ค้นหา และอยากจะรู้เรื่องราว ของที่นี่ทำไมถึงได้มีชื่อว่า ซาฮาร่า จริง ๆ แล้ว มาจากภาษาอาหรับ “Shara” ที่แปลได้อย่างตรงตัวเลยว่า “ทะเลทราย” นั่นเองค่ะ ทะเลทรายซาฮาร่า ภาษาอังกฤษ 

ถ้ามองจากสภาพ ของสถานที่นี้ไม่น่าเชื่อว่า ยังมีผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ มากกว่า 2.5 ล้านคน รวมถึงสัตว์ที่มีชีวิต หลากหลายสายพันธุ์ที่อึด ทนทานต่อสภาพอากาศได้ขนาดนี้ ก็ไม่พ้นเจ้าอูฐแน่ ๆ ที่เวลาออกรายการสารคดี เราจะได้เห็นกันบ่อย ๆ

ไม่ใช่จะมีเพียงแค่ ” อูฐ ” เท่านั้น ยังมี เสือชีตาร์ , แมลงป่อง , งูสารพัดสายพันธุ์ , สุนัขจิ้งจอกเฟนนิกซ์ , นกกระจอกเทศ, แกะ , แพะ และอีกมากมายเลย มีทั้งที่ไม่มีพิษ และมีพิษอันตรายถึงคร่าชีวิตได้ทันที เลยเช่นกัน

ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ กับนักท่องเที่ยวว่า ทำไมสภาพอากาศร้อน และแห้งแล้งขนาดนี้ ยังมีผู้คนที่ยังอาศัย และยังมีสัตว์อีกมากมาย ที่ยังคงดำรงชีวิตอยู่ได้ เพราะยังไงที่นี่ ก็ได้จัดว่าเป็นทะเลทรายที่เลวร้ายที่สุด เพราะด้วยความร้อนระอุ ของอากาศและเต็มไปด้วย ทรายนับไม่ถ้วนเลย

ทะเลทรายซาฮารา

แต่อากาศที่ร้อน  และแห้งแล้งจัด ๆ ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคใด ๆ ให้กับนักท่องเที่ยว หรือเหล่าคนดัง ที่อยากจะเดินทางเข้าไปที่แห่งนี้ เพื่อที่จะสัมผัสวัฒนธรรมความเป็นอยู่ ของผู้คนที่นี่ ด้วยตัวคุณเอง รวมถึงเวลาที่ได้ถ่ายรูป ขี่อูฐบนท้องทะเลทราย หรือยืนท่ามกลางทะเลทราย ก็คูลอย่าบอกใคร

อาจเพราะไม่ใช่แค่ใคร ก็สามารถที่เดินทาง ไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้ในทุกที่ ที่เราอยากจะไป เราต้องเตรียมตัวเป็นอย่างดี อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ก็พอสมควร แต่ก็ถือว่าคุ้มที่ได้มาในสถานที่ ที่เราไม่เคยได้ออกเดินทาง และแน่นอนคงไม่ใช่ทุกประเทศ ที่มีทะเลทรายที่สวยงาม และมีมนต์สเน่ห์เช่นนี้

ทะเลทรายซาฮารา

 

นอกจากเรื่องสภาพอากาศ ที่ร้อนระอุในช่วงตอนกลางวันนั้น มันช่างแห้งแล้งอะไรเสียจริง แต่เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ หรือในยามค่ำคืนที่เงียบสงัด สภาพอากาศที่แห่งนี้ กลับเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ เพราะมันช่างแตกต่างกับ ช่วงกลางวันเสียเหลือเกิน

คุณเชื่อไหมว่า ? ทะเลทรายแห่งนี้ในยามค่ำคืนนั้น ตัวเม็ดทรายได้คลาย ความร้อนออกมา ทำให้อากาศใน ช่วงกลางคืน กลับมีอากาศที่เย็นแห้ง ถึง 25 องศาเลยทีเดียว

และถ้าหากเรา ได้ย้อนเวลาไปเมื่อ 4,000 กว่าปีที่แล้ว ทะเลทรายแห่งนี้ ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ เพราะมีบันทึกยืนยัน จากผู้ที่พบภาพวาด ในผนังถ้ำ จากมนุษย์ถ้ำในเมื่อครั้งสมัยพัน ๆ ปี ว่า เมื่อในสมัยครั้งก่อน ที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ ที่มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นอย่างมาก ทะเลทรายซาฮาร่าเคยเป็นทะเล และ สิ่งมีชีวิตในทะเลทราย ซาฮารา มีสัตว์น้อยใหญ่ได้มาหากิน และพักอาศัยที่นี่ กันอย่างไม่น่าเชื่อ

แต่นั่นมันก็เป็น เรื่องที่นานมามากแล้ว เพราะฝีมือของมนุษย์ ที่ได้อพยพเข้ามาสร้าง ที่พักอาศัย ทะเลทรายซาฮาร่าพืช  และได้เริ่มทำการเกษตร เพื่อความเป็นอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้อุดมสมบูรณ์ อย่างที่ว่ามา เพราะเริ่มมีการถางต้นไม้ ใบหญ้า ทำพื้นที่ให้โล่งเตียน ทำให้แสงอาทิตย์สะท้อน ไปกระทบกับที่ดินที่นี่

มันเริ่มมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนเริ่มมี ต้นไม้ยืนต้นตาย พื้นดินเริ่มแห้งแล้ง เป็นทะเลทราย จนผู้คนได้อพยพ ย้ายถิ่นฐานไปในที่สุด จนเหลือเพียงทะเลทรายที่กว้างใหญ่ และขึ้นชื่อของโลก ที่มีชื่อว่า ” ซาฮาร่า ” นี้

สำหรับใคร ที่คงคิดเล่น ๆ ว่า ที่นี่เคยมีหิมะตกบ้างหรือไม่นั้น ที่นี่เคยมิหิมะตกนะคะ แต่เป็นแค่ในช่วงหนึ่งวัน ระยะสั้น ๆ เท่านั้น และแค่วันเดียวของปี 1979 ปี 2016 ปี 2018 ปี2021 และที่ล่าสุดนี้ คือปี 2022 นั่นเอง โดยเกิดจากการผันผวน ของสภาพอากาศ

และอุณหภูมิเย็นถึง 3 องศา สร้างความแปลกประหลาดใจ ให้นักสำรวจโลกเช่นกัน นอกจากนั้นแล้ว ก็ยังมีคนได้ถ่ายภาพในคืนวันนั้นว่า ที่ทะเลทรายแห่งนี้ มีริ้วน้ำแข็งปกคลุม ไปทั่วท้องทะเลทรายที่ร้อนระอุ ในช่วงกลางวัน โอ้ มันน่าทึ่งจริง ๆ ธรรมชาติรังสรรค์เสียจริง

สำหรับการเดินทางนั้น ใครที่อยากจะเข้ามาเที่ยวหา ประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่น่าจดจำจากทะเลทราย ที่ขึ้นชื่อของโลกแห่งนี้ละก็ สามารถเดินทางเข้าตามประเทศที่มีอาณาเขต ที่เชื่อมต่อกับทะเลทรายแห่งนี้ได้ค่ะ

โดยแต่ละประเทศ ก็จะมีไกด์เพื่อนำเที่ยว รวมถึงแนะนำการเป็นอยู่ ในระหว่างที่เดินทาง กิน นอน ที่อีกอีกด้วย และสำหรับท่านใดที่ไม่ต้องการที่จะ ขี่น้องอูฐ ก็มีบริการรถโฟล์วิลต่าง ๆ เพื่อลุยเส้นทางทะเลทรายแห่งนี้ และถ้ายังไม่ถูกใจอีกล่ะก็ ยังมีรถ ATV ที่สามารถนำพานักท่องเที่ยว พาถ่ายรูปแบบชิล ๆ ได้ (หากไม่กลัวผิวจะไหม้ก่อนนะคะ ฮ่าๆ)

สำหรับใคร ที่กำลังมองหาประสบการณ์ การท่องเที่ยวที่หาได้ยาก แบบนี้ล่ะก็ หวังว่าทะเลทราย ที่ติดอันดับของโลกที่นี่ จะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ได้พาครอบครัว คนรัก มาเก็บความทรงจำจากที่นี่กลับไปค่ะ อลิสเชื่อว่าจะต้องประทับใจ ในเรื่องของบรรยากาศต่าง ๆ อย่างแน่นอน

เพราะหาได้ยากมาก ๆ บางคู่ก็พากันมาขอแต่งงานกันบนทะเลทรายด้วยนะ โรแมนติกสุด ๆ และแอบกระซิบอีกนิดนึงว่า กลางคืนที่นี่สามารถกางเต้นท์พักได้นะคะ กลางคืนดวงดาวเต็มท้องฟ้า ทะเลทรายโอบล้อม ฟินสุด ๆ ไปเลยล่ะค่ะ

 

เรียบเรียงโดย อลิส