Salar De Uyuni

Salar De Uyuni คือทะเลสาบที่ความงดงาม เกิดจากธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมา

Salar De Uyuni ทะเลเกลือขนาดใหญ่ ที่เปรียบเสมือนกระจกเงาใหญ่

Salar De Uyuni ผืนฟ้าที่กระทบกับ ผืนดินที่งดงามมาก SalarDeUyuniคือ ทะเลเกลือที่มีชื่อว่า Salar De Uyuni ประเทศโบลิเวีย จึงได้รับฉายา “พื้นกระจกที่ใหญ่ที่สุดในโลก” SalarDeUyuniอ่านว่า ซาลาร์ เดอ อูยูนี

Salar De Uyuni

ในยุคก่อนนั้น SalarDeUyuniประวัติ ประเทศโบลิเวียเคยอยู่ภายใต้ การปกครองของจักรวรรดิอินคา เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 15 มาก่อน โดยมีเอกลักษณ์ ในส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าอัศจรรย์ และสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อ ก็คือ ทะเลเกลือที่ซาลาร์ เดอ อูยูนี

SalarDeUyuniอ่านว่า  ซาลาร์ เดอ อูยูนี SalarDeUyuniBolivia นั่นคือทะเลที่เป็นเกลือ SalarDeUyuniที่ตั้ง ที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีขนาดมากกว่า 10,643 ตารางกิโลเมตร (4,162 ไมล์) ทะเลเกลือแห่งนี้ เกิดอยู่บนจังหวัด Daniel Campos ฝั่งตอนตะวันตกเฉียงใต้ ของประเทศโบลิเวีย

ติดกับภูเขา Andes ซึ่งระยะทางห่างจากกรุงลาปาซ ที่เป็นเมืองหลวง ของโบลิเวียเพียง 189 ไมล์ โดยความกว้างปกคลุม พื้นที่มากถึง 11,460 ตารางกิโลเมตร ความสูงจากระดับน้ำทะเล 3,489 เมตร

มีเรื่องที่เล่าขานต่อกันมา จากชาวบ้านที่อยู่ใน ละแวกนั้นว่า ทะเลเกลือซาลาร์ เดอ อูยูนี ต้นกำเนิดก็คือน้ำตาที่หลั่งไหล อย่างมากมาย ผสมกับน้ำนมที่ไหล ออกมาจากนางยักษี ที่มีชื่อว่า Tunupa ซึ่งนางได้ร้องไห้ ตอนที่กำลังให้นมลูก เนื่องจากถูก Kushku ซึ่งเป็นสามีทิ้งเธอไป ทะเลเกลือนี้จึงถูกเรียก จากชาวบ้านอีกชื่อว่า Salar de Tunupa

Salar De Uyuni ทะเลเกลือ นั้น มีจุดกำเนิดขึ้นมาได้อย่างไร

พื้นที่ราบสูง ที่มีชื่อว่าอัลติพลาโน (Altiplano) ตั้งอยู่ที่เทือกเขาแอนดีส ซึ่งไม่มีช่องที่จะ สามารถระบายน้ำได้ จึงส่งผลให้น้ำจากภูเขา ที่อยู่รอบข้างภูเขาไหลมารวมกัน จึงเป็นแหล่งกำเนิด ทะเลสาบขนาดใหญ่ อีกทั้งมีความเค็มอย่างมาก

เมื่อโดนทั้งพลังงานความร้อน และแสงของดวงอาทิตย์สาดส่องมา จึงทำให้น้ำทะเลเหล่านี้ระเหยไป เหลืออยู่แค่ผลึกเกลือที่ค่อย ๆ สะสมกันเรื่อย ๆ จนรวมตัวเป็นชั้นหนาขึ้น จนเกิดเป็นทะเลเกลือ อย่างที่ได้เห็นกันทุกวันนี้

Salar De Uyuni

สภาพอากาศ ทวีปอเมริกาใต้ ของทะเลเกลือนั้น จะมีอุณหภูมิที่เรียกได้ว่า ค่อนข้างคงที่ซึ่งมีอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 22 ° C ช่วงเดือนธันวาคมจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ และมีอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 12 ° C ช่วงเดือนมิถุนายนที่เป็นฤดูหนาว ซึ่งสภาพอากาศค่อนข้างจะหนาวจัด ตลอดทั้งปี ซึ่งมีอุณหภูมิประมาณ -10 ° C จนถึง 4 ° C อีกทั้งอากาศยังค่อนข้างแห้ง และจะคงที่อยู่อย่างนี้ตลอดทั้งปี

ทราบหรือไม่ว่า ทะเลเกลือแห่งนี้ SalarDeUyuniเกิดจาก พื้นที่ที่มีแร่ลิเทียม อยู่อย่างมากมาย เทียบได้เท่ากับครึ่งหนึ่งของ แร่ลิเทียมที่อยู่ในโลกใบนี้

แร่ลิเทียมมีประโยชน์อย่างไร

แร่ลิเทียม (Lithium) คือวัตถุดิบสำคัญ ต่ออุตสาหกรรม อย่างเช่น แบตเตอรี่ เป็นสิ่งสำคัญของ แหล่งอุตสาหกรรม พลังงานสะอาด ที่เป็นต้นทางหลัก ของโรงงานการผลิตยานยนต์ ที่สามารถผลิตแบตเตอรี่ ที่ใช้ในรถไฟฟ้า

ไม่เพียงเท่านั้น ยังเป็นตัวช่วยในการ ปรับวัดระดับองศา ของดาวเทียมสังเกตการณ์ เพราะว่ามีพื้นที่ขนาดใหญ่ ครอบคลุมไปไกล อีกทั้งยังบริเวณพื้น เป็นการสะท้อนได้อย่างดี เหมือนกับแผ่นน้ำแข็ง และยังเป็นที่อยู่ของเหล่านกกระเรียน นกฟลามิงโกอีกมากมาย

พื้นผิวที่เป็นสีขาว ระยิบระยับจาก เม็ดเกลือ ที่ติดกับสีของท้องฟ้า เรียกได้ว่าสวยงามอย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะในฤดูฝน จะมีเม็ดที่ทรายอยู่บน เต็มพื้นที่ผืนน้ำ นักท่องเที่ยวที่ได้มาเห็น เปรียบสถานที่แห่งนี้ ว่าเหมือนกับกระจกบานใหญ่

หากได้มองออกไปยังพื้นผิว จะเห็นพื้นที่สีขาว วิบวับสะท้อนเข้าตา ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดของ ทะเลเกลือโบลิเวีย หรือชื่อที่รู้จักกัน อย่างแพร่หลายคือ รัฐพหุชนชาติแห่งโบลิเวีย

Salar De Uyuni

มาพูดถึงประเทศโบลิเวีย (Bolivia) แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมจากทั่วโลก คือในพื้นที่ไม่มีหนทาง ที่จะไปถึงทะเล ตั้งอยู่ช่วงกลางของ ทวีปอเมริกาใต้ โดยมีพื้นที่ติดกับ ประเทศบราซิลทั้งทิศเหนือและทิศตะวันออก ทางทิศใต้จะติดกับ ประเทศปารากวัยและอาร์เจนตินา ส่วนทางด้านทิศตะวันตก ติดกับประเทศชิลีและประเทศเปรู

ซึ่งความจริงแล้วSalarDeUyuniประเทศโบลิเวีย พื้นผิวที่เต็มไปด้วยเกลือ หรือทะเลเกลือที่เหมือนกัน มีอยู่หลายที่บนโลก แต่เนื่องจากทะเลเกลือ ซาลาร์ เดอ อูยูนี มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก  จึงทำให้นักท่องเที่ยว สามารถมองเห็นพื้นผิว ที่มีสีขาวปกคลุมทั่วพื้นที่ ได้อย่างสุดสายตาเลยทีเดียวค่ะ 

หลายคนอาจมีคำถามว่า เป็นไปได้อย่างไร ที่มีทะเลเกลือพื้นที่ขนาดใหญ่ มากมายขนาดนี้ ตั้งอยู่บนประเทศ ซึ่งไม่มีเส้นทางที่ จะไปถึงทะเลได้ นักวิชาการตั้งข้อสังเกตไว้ว่า ทะเลเกลือแห่งนี้ความจริงแล้ว แต่เดิมเป็นทะเลสาบที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์แล้ว

เมื่อเวลาผ่านไปหลาย ๆ ปี สภาพอากาศนั้นมีความแห้งแล้ง ฝนตกปริมาณน้อยมาก ในที่สุดทะเลสาบจึงค่อย ๆ แห้งหายไป จนกลายเป็นทะเลสาบ ที่มีเกลือปกคลุมเต็มพื้นที่ อยู่มากถึง 13 พันล้านตันเลยทีเดียว

แต่ไม่ใช่ว่าพื้นที่แห่งนี้ จะไม่เหลือพื้นที่ ที่เป็นส่วนทะเลสาบอยู่เลย ซึ่งพื้นที่บางส่วนนั้น ยังคงเห็นส่วนที่เป็นน้ำทะเล ให้นักท่องเที่ยวได้มา ชื่นชมอยู่บ้างค่ะ

อีกหนึ่งสถานที่ เป็นสิ่งมหัศจรรย์เช่นกัน ก็คือทะเลสาบที่มีแตกต่างกัน ที่ตั้งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีชื่อเรียกว่า Great Salt Lake คือทะเลสาบที่อยู่ฝั่งเหนือของรัฐยูทาห์ ในสหรัฐอเมริกา ถูกยกให้เป็นแหล่งน้ำเค็ม ที่มีพื้นที่กว้างขวางที่สุด ทางซีกโลกตะวันตก

จุดกำเนิดที่ทะเลสาบนั้นมีสองสี เพราะว่าบริเวณกึ่งกลาง พื้นที่ของทะเลสาบ นั้นมีเส้นทางรถไฟ ข้ามผ่านอยู่ตรงกลาง จึงทำให้ทั้งพื้นที่ทั้งสองฝั่ง มีระดับน้ำไม่เท่ากัน อีกทั้งความเค็มของน้ำ จากสองฝั่งก็ไม่เท่ากัน เลยเกิดเป็นต้นกำเนิด ให้มีสีสันแตกต่างกัน ซึ่งจนเกิดเป็นสิ่งสวยงาม ที่น่าอัศจรรย์​ของโลก

เนื่องจากทะเลสาบ Great Salt Lake มีน้ำที่ปริมาณเกลือเยอะมาก จึงทำให้บรรดาสัตว์น้ำส่วนมาก ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ แต่มีสาหร่ายบางชนิด ที่เกิดได้ดีอยู่ในทะเลสาบ 

ทะเลสาบ Great Salt Lake ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่ทำรายได้ให้รัฐยูทาห์เป็นจำนวนมหาศาล อีกทั้งได้รับการยกย่องให้เป็น “หนึ่งในสถานที่สวยงามของทวีปอเมริกา” เหมือนกับทะเลสาบเดดซี ที่เป็นสถานท่องเที่ยว ที่ได้รับความนิยม อีกทั้งน้ำทะเลยังมีความเข้มข้น ของเกลือที่เยอะมากเช่นกัน

ทะเลสาบ Great Salt Lake จึงเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยว นิยมเดินทางมาเพื่อรับประสบการณ์ ที่แตกต่างออกไป นั่นคือการนอนราบ และลอยตัวอยู่เหนือผิวน้ำ ความเข้มข้นของเกลือ ที่อยู่ในผืนน้ำ จะทำให้คุณไม่จมแน่นอน จึงสามารถที่จะนอนดูฝูงนกนางนวล ที่บินอยู่บนฟ้าแบบเงียบ ๆ ได้เลยค่ะ @UFA-X10 

 

เรียบเรียงโดย อลิส